ประยุกต์ธรรมเพื่อสังคม : พระไพศาล วิสาโล
สร้างสังคมส่งเสริมธรรม
ในเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องนำธรรม(และวินัย)ไปจัดสรรสังคมให้เกื้อกูลต่อชีวิตที่ดีงาม
เราควรมีแนวทางหรือหลักการอย่างไร? หลักภาวนา
๔ เป็นหนึ่งในหลักธรรรมที่สามารถเป็นแนวทางในการจัดสรรโครงสร้างและระบบต่าง ๆ
ในสังคม ได้ กล่าวคือจะต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาชีวิตทั้ง ๔ ด้าน คือ กาย
ความประพฤติ จิต และปัญญา กล่าวอีกนัยหนึ่งสังคมที่ดีงามควรมี ๔ มิติคือ
มิติทางกายภาพ
ผู้คนปราศจากความยากจน ปลอดพ้นจากปัญหามลภาวะและภัยธรรมชาติ มีสุขภาพพลานามัยที่ดี
ไม่ถูกคุกคามด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หรือป่วยเพราะขาดแคลนหรือบริโภคอย่างล้นเกิน
มิติทางความประพฤติ
ผู้คนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ
หรือรังเกียจเดียดฉันท์กัน มีการเคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของกันและกัน
ไม่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหาอาชญากรรมหรือภัยสงคราม
ครอบครัวและชุมชนมีความมั่นคงและเกื้อกูลกัน
มิติทางจิต
ผู้คนมีสุขภาพจิตดี มีความสุขสงบในจิตใจ ไม่เครียด หม่นหมอง
รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว หรือเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพยาบาท ไม่หมกมุ่นกับยาเสพติด
หรือหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย
มิติทางปัญญา
ผู้คนรู้จักคิด ใช้ความรู้และเหตุผลในการวินิจฉัย ไม่มองและตัดสินด้วยอคติหรืออารมณ์ความรู้สึก
สามารถแก้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตนเองได้ด้วยปัญญา
ผู้คนเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตและรู้เท่าทันความเป็นไปของโลก
สังคมที่ดีงามทั้ง ๔
มิติดังกล่าวจะเป็นไปได้ ลำพังการเทศนาสั่งสอนและการทำตัวเองให้ดีย่อมไม่เพียงพอ
หากโครงสร้างและระบบต่าง ๆ ในสังคมก่อผลตรงกันข้าม คือทำให้ประชาชนยากจนลง
หมกมุ่นในอบายมุขมากขึ้น
และกระตุ้นให้เกิดการรังเกียจเดียดฉันท์กันด้วยเหตุผลทางศาสนา ภาษา เชื้อชาติ
เป็นต้น สิ่งที่จะต้องทำควบคู่กันไปก็คือการเปลี่ยนโครงสร้างและระบบต่าง ๆ
ให้เป็นไปในทางส่งเสริมมิติทั้ง ๔ ให้เป็นจริง กล่าวคือ
ระบบเศรษฐกิจ
ส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้อย่างยุติธรรม
ไม่ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งปกป้องผู้ยากไร้จากการเอาเปรียบของผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจ
ผู้คนมีโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรสาธารณะหรือของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน
มีปัจจัยในการผลิตและดำรงชีพขั้นพื้นฐาน เป็นต้น
ระบบการเมือง
ไม่ผูกขาดอำนาจไว้ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่กระจายอำนาจให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจตั้งแต่ระดับชุมชนไปถึงระดับชาติ
รวมถึงการดูแลจัดการทรัพยากรท้องถิ่น
มีกลไกที่สามารถป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ให้หลักประกันทางสิทธิเสรีภาพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน มีกลไกการแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี
เป็นต้น
ระบบการศึกษา
ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และฝึกฝนตนในทุกมิติ
ไม่หลงติดอยู่กับระบบบริโภคนิยมหรือถูกครอบงำด้วยลัทธินิยมใด ๆ อย่างไร้วิจารณญาณ
ผู้คนสามารถพัฒนาและใช้ศักยภาพทั้ง ๔
มิติให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น นอกจากสามารถแก้ปัญหาของตนได้แล้ว
ยังสามารถช่วยเหลือส่วนรวมด้วยวิถีทางที่สันติ
ระบบสื่อสารมวลชน
ส่งเสริมให้เกิดการบริโภคที่ถูกต้องและมีทัศนคติที่เกื้อกูลต่อการพัฒนาทั้ง ๔ มิติ
ไม่ถูกครอบงำด้วยอำนาจทุนหรือกลุ่มผลประโยชน์ใด ๆ
เป็นสื่อกลางที่ส่งเสริมให้ผู้คนเกิดความเข้าใจกัน
การยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม
รวมทั้งเคารพในความแตกต่างทางความคิดและอัตลักษณ์
การส่งเสริมและขับเคลื่อนให้เกิดระบบทั้งสี่ตามแนวทางดังกล่าวมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่ากระแสโลกาภิวัตน์ที่มีอิทธิพลอยู่ในปัจจุบัน ได้มีส่วนไม่น้อยในการทำให้เกิดวัฒนธรรม
๒ กระแสใหญ่ คือ “วัฒนธรรมแห่งความละโมบ”
และ “วัฒนธรรมแห่งความโกรธเกลียด” การเชื่อมโลกให้เกือบจะเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นด้วยโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีนั้น
ในด้านหนึ่งทำให้ลัทธิบริโภคนิยมแพร่ขยายไปทุกมุมโลกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
แม้กระทั่งในป่าลึกและภูเขาสูงก็ยังหนีไม่พ้น
ระบบโทรคมนาคมที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งโลกได้ถูกใช้เพื่อกระตุ้นการบริโภคทั้งวัตถุและภาพลักษณ์อย่างไม่หยุดหย่อน
จนผู้คนไม่เคยรู้สึกพอเสียที
ในอีกด้านหนึ่งกระแสโลกาภิวัตน์ได้ทำให้ผู้คนทั่วทั้งโลกได้เผชิญกับการไหลบ่าของอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากตน
ไม่ว่าจะเป็นศาสนา เชื้อชาติ และภาษา
ระยะห่างทางภูมิศาตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกำแพงขวางกั้นคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา
และภาษา ให้อยู่แยกห่างจากกัน เมื่อพังทลายลงหรือไร้ความหมาย
ผู้คนสามารถเดินทางข้ามทวีปหรือข้ามพรมแดนง่ายกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังสามารถตอกย้ำอัตลักษณ์ของตนผ่านสื่อไร้พรมแดน
ผลที่ตามมาก็คือคนต่างอัตลักษณ์ต้องมาอยู่ประชิดกัน แต่แทนที่จะเข้าใจกันมากขึ้น
กลับหวาดระแวงกันและรู้สึกว่าอัตลักษณ์ของตนกำลังถูกคุกคาม
จึงพยายามป้องกันอัตลักษณ์ของตนมากขึ้น ซึ่งเท่ากับผลักอีกฝ่ายให้กลายเป็นคนละพวกคนละฝ่ายมากขึ้น
ผลก็คือเป็นศัตรูกัน เกิดความโกรธเกลียดต่อกัน
ทั้งนี้ยังไม่พูดถึงการแผ่ขยายและรุกรานของทุนที่ทรงพลังในการเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ในท้องถิ่นอื่นได้อย่างสะดวกขึ้นเพราะตลาดถูกเปิดอย่างเสรี
ทำให้เกิดความขัดแย้งและต่อสู้ขัดขืนจนระเบิดเป็นความรุนแรงในหลายที่
ที่มาของบทความ : http://www.visalo.org/article/budPrayukDham.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น